SPA II-3 สิ่งแวดล้อมในการดูแลผู้ป่วย
SPA II -3.1 สิ่งแวดล้อมทางกายภาพและความปลอดภัย (ENV.1)
สิ่งแวดล้อมทางกายภาพขององค์กรเอื้อต่อความปลอดภัยและความผาสุกของผู้ป่วย เจ้าหน้าที่ และผู้มาเยือน. องค์กรสร้างความมั่นใจว่าผู้อยู่ในพื้นที่อาคารสถานที่จะปลอดภัยจากอัคคีภัย วัสดุและของเสียอันตราย หรือภาวะฉุกเฉินอื่นๆ.
ก. ความปลอดภัยและสวัสดิภาพ
(1) โครงสร้างอาคารสถานที่ขององค์กรเป็นไปตามกฎหมาย ข้อบังคับ และข้อกำหนดในการตรวจสอบอาคารสถานที่. การออกแบบและการจัดแบ่งพื้นที่ใช้สอยของอาคารเอื้อต่อความปลอดภัย ความสะดวกสบาย ความเป็นส่วนตัวของผู้ป่วย และการทำงานที่มีประสิทธิภาพ. กิจกรรมที่ควรดำเนินการ
ศูนย์วิศวกรรมการแพทย์ที่ 5 จ.อุบลราชธานี เป็นหน่วยงานที่ตรวจสอบโครงสร้างอาคารสถานที่ ขององค์กรตาม พรบ.ความปลอดภัยด้านอาคารสถานที่ 2 ปีต่อครั้ง และทีม ENV / ทีม IC และ ทีม RM ได้มีการสำรวจโครงสร้างทางกายภาพและสิ่งแวดล้อมทุกไตรมาส ผลการตรวจสอบโครงสร้างทางกายภาพให้ได้มาตรฐานตามพรบ. ความปลอดภัยด้านอาคารสถานที่ ผลการตรวจและการแก้ไขปรับปรุงทั้งที่ได้ดำเนินการแล้วและวางแผนปรับปรุงในอนาคต
(2) มีผู้ได้รับมอบหมายให้กำกับดูแล2 ระบบงานบริหารอาคารสถานที่และการรักษาความปลอดภัย (อาจเป็นบุคคลเดียวกันหรือหลายคน). มีการติดตามและปรับปรุงระบบงานดังกล่าวในทุกแง่มุม.
ทีม ENV ได้กำหนดแผนการตรวจสอบโครงสร้างอาคารทุกไตรมาส และจากการตรวจสอบโดยองค์กรภายนอก (ศูนย์วิศวกรรมการแพทย์ที่ 5 จ.อุบลราชธานี) ทุก 2 ปี เพื่อนำมาจัดทำแผนบำรุงรักษา/ปรับปรุง/แผนงบลงทุนและแผนการรักษาความปลอดภัย รายละเอียดดังตารางนี้
แผนการบริหารจัดการอาคารสถานที่ | ผลการดำเนินการ |
แผนการตรวจสอบ | -ตรวจสอบโครงสร้างอาคารสถานที่ทั่วทั้งโรงพยาบาลทุกไตรมาส -มีระบบรายงานความเสี่ยงทางกายภาพและสิ่งแวดล้อม |
แผนการบำรุงรักษา | -ทาสีแฟลตพยาบาล -กำจัดปลวกบ้านพักและอาคารในโรงพยาบาล -ปรับปรุงสวนหย่อมหน้าตึกผู้ป่วยนอก ตึกอุบัติเหตุและฉุกเฉิน และตึกพิเศษ |
แผนปรับปรุง | -ซ่อมแซมบ้านพักเจ้าหน้าที่ -ปรับปรุงถนนรอบโรงพยาบาล -ขยายห้องเก็บเวชภัณฑ์ -ปรับปรุงรั้วรอบโรงพยาบาล -เพิ่มแสงสว่างหน้าบริเวณตึกอุบัติเหตุและฉุกเฉิน -จัดระบบแยกเก็บระบบออกซิเจนสำรองออกจากระบบปั๊มอากาศ |
แผนการก่อสร้าง | -โรงพัสดุ -การก่อสร้างป้ายโรงพยาบาล -การก่อสร้างหน่วยจ่ายกลาง -แฟลตอาคารพักแพทย์ 12 ครอบครัว -ก่อสร้างห้องน้ำสำหรับผู้มารับบริการและผู้พิการ -ก่อสร้างที่จอดรถตึกพิเศษและข้างแฟลตพยาบาล -ก่อสร้างทางเชื่อมระหว่างตึกอุบัติเหตุและฉุกเฉินและศูนย์เอ็กเรย์คอมพิวเตอร์ |
แผนการรักษาความปลอดภัย | -ติดตั้งกล้องวงจรปิดที่บริเวณทางเข้าออกโรงพยาบาล และตึกเด็ก -เพิ่มรอบเวรยามในการตรวจสถานที่ต่างๆในบริเวณโรงพยาบาลทุกหนึ่งชั่วโมง -มีการเดินสำรวจความปลอดภัยภายในอาคารผู้ป่วยในช่วงเวรและบ่ายอย่างน้อยเวรละ 1 ครั้ง -มีการติดเครื่องดักควันเพื่อตรวจจับการเกิดอัคคีภัย -เพิ่มแสงสว่างหน้าบริเวณตึกอุบัติเหตุและฉุกเฉิน -การสำรวจระบบไฟฟ้ารอบอาคารโรงพยาบาลโดยช่างซ่อมบำรุง
|
3) องค์กรตรวจสอบอาคารสถานที่และสิ่งแวดล้อมเพื่อค้นหาความเสี่ยงและการปฏิบัติที่ไม่ปลอดภัยด้านสิ่งแวดล้อม อย่างน้อยทุกหกเดือนในพื้นที่ให้บริการผู้ป่วย / ผู้มาเยือน และทุกปีในพื้นที่อื่นๆ
ทำการตรวจสอบพื้นที่ให้บริการผู้ป่วยทุก 1-2 เดือน โดยกิจกรรม ENV Round และพื้นที่ต่างๆอย่างน้อย 3 เดือน/ครั้งและนำผลจากการสำรวจมาปรับปรุงเพื่อให้เกิดความปลอดภัยต่อเจ้าหน้าที่และผู้รับบริการนอกจากนี้ยังมีการตรวจสอบโดยทีมผู้เชี่ยวชาญจากภายนอก(ศูนย์วิศวกรรมอุบลราชธานี 2553,ทีมผู้เยี่ยมสำรวจภายนอก)ในภาพรวมอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง และนำผลจากการตรวจสอบมาจัดลำดับความสำคัญและดำเนินการพัฒนาและปรับปรุงตามข้อเสนอแนะ
ผลการตรวจสอบในรอบปีที่ผ่านมา(สถานที่ สิ่งแวดล้อมที่มีความเสี่ยง ความไม่ปลอดภัย) | การแก้ไขปรับปรุง |
-ร่องระบายน้ำบริเวณโรงพยาบาลไม่มีฝาครอบทำให้เกิดอุบัติเหตุรถตกร่องบ่อยครั้ง | -จัดทำฝาปิดร่องระบายน้ำ |
-ห้องตัดเย็บแสงสว่างไม่เพียงพอและน้ำรั่วซึม | -จัดหาห้องตัดเย็บใหม่และเปลี่ยนจากพัดลมติดเพดานเป็นพัดลมตั้งพื้น |
-ทางขนส่งอาหารจากโรงครัวขรุขระเสี่ยงต่อการพลิกคว่ำและคนเข็ญต้องใช้แรงมาก | -ทำเป็นพื้นคอนกรีตเพื่อความสะดวกในการขนส่งอาหาร |
-การระบายควันจากการประกอบอาหารที่โรงครัวไม่ถ่ายเท | -ติดตั้งพัดลมดูดอากาศแบบหอยโข่งเพื่อระบายอากาศให้ดีขึ้น |
-จุดรอยต่อระหว่างตึกไม่มีสัญลักษณ์ที่ชัดเจน | -จัดทำสัญลักษณ์(ขาว-แดง)จุดรอยต่อระหว่างตึกให้ชัดเจน |
-ถนนในบริเวณโรงพยาบาลเป็นหลุมเป็นบ่อ | -ได้รับการสนับสนุนงบลงทุนจากจังหวัดในการปรับปรุง |
-ทางขึ้นตึกไตเทียมมีความลาดชัน | ขยายพื้นที่ให้บริการเพื่อลดความแออัดและปรับปรุงทางขึ้นด้านข้างเพื่อลดความลาดชัน |
-อาคารหน่วยจ่ายกลางไม่ได้มาตรฐานตามหลัก IC | ปรับปรุงแผนกจ่ายกลางให้ได้มาตรฐานงานควบคุมการติดเชื้อในโรงพยาบาล
|
4) องค์กรประเมินความเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อมในเชิงรุก จัดทำแผนบริหารความเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อมและนำไปปฏิบัติ เพื่อลดความเสี่ยงที่ระบุไว้ ป้องกันการเกิดอันตราย ตอบสนองต่ออุบัติการณ์ที่เกิดขึ้น ธำรงไว้ซึ่งสภาพอาคารสถานที่ที่สะอาดและปลอดภัยสำหรับผู้ป่วย / ผู้มาเยือน และบุคลากร.
ประเมินโดยใช้แบบประเมิน RAH01 โดยคณะกรรมการ ENV ร่วมกับหน่วยงานต่างๆ การประเมินโดยการเยี่ยมสำรวจของทีม ENV. ทุก 1-2 เดือนต่อครั้งและมีระบบรายงานอุบัติการณ์เมื่อมีความเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อมและการประสานการแก้ไขป้องกันโดยคณะกรรมการความเสี่ยงและจะประสานไปยังเลขาทีม ENV ผลการตรวจสอบการปรับปรุงแก้ไขและแผนการปรับปรุงแก้ไขในอนาคตดังตาราง
ผลการตรวจสอบ | การปรับปรุงแก้ไข | แผนการปรับปรุงแก้ไขในอนาคต |
-สายไฟฟ้าเมนบริเวณโรงเก็บพัสดุชำรุด/เสื่อมสภาพ | -ให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคได้ดำเนินการจัดซ่อมชั่วคราว | -ประสานการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคมาสำรวจและประเมินราคาเพื่อเปลี่ยนสายไฟใหม่ |
-ถังเก็บออกซิเจนไม่เป็นไปตามมาตรฐาน | -ประสานกับบริษัทให้ใช้ถังเป็นไปตามมาตรฐาน -ติดตั้งระบบ Oxygen Pipe Lineบางส่วน ที่งานICU ตึกพิเศษ | -ขยายระบบOxygen Pipe Line ทุกหอผู้ป่วยใน -จัดซื้อถังออกซิเจนที่ได้มาตรฐานและนำไปบรรจุแก๊สที่บริษัทเอง |
-โรงเก็บศพไม่ได้มาตรฐาน
| -จัดห้องมิดชิด มีอ่างสำหรับอาบน้ำศพ ปรับปรุงภูมิทัศน์โดยรอบโรงเก็บศพและเปลี่ยนชื่อเป็นเรือนลีลาวดี -จัดเตรียมอุปกรณ์สำหรับทำพิธีขอขมาศพ | -จัดหาตู้แช่สำหรับเก็บศพ |
(5) บุคลากรทุกคนได้รับความรู้และการฝึกอบรมเกี่ยวกับบทบาทในการสร้างสิ่งแวดล้อมที่ปลอดภัยและเอื้อต่อทำงานอย่างมีประสิทธิผล.
เจ้าหน้าที่ใหม่ทุกคนต้องได้รับการปฐมนิเทศ ทั้งในส่วนของบทบาทหน้าที่ตามลักษณะงาน และในส่วนของนโยบายสำคัญรวมทั้งระบบมาตรฐานทุกมาตรฐานที่มีอยู่ โดยมีผู้รับผิดชอบประสานงานด้านการจัดอบรมจากคณะกรรมการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์( HRD) เป็นผู้ประสานและจัดวิทยากรในการอบรม จัดอบรมการป้องกันการติดเชื้อ ในโรงพยาบาล ครบ 100 % และ มอบหมายให้มีผู้รับผิดชอบงาน IC ในระดับหน่วยงาน ผู้รับผิดชอบบ่อบำบัดน้ำเสียได้รับการอบรมปี 2553 สอนการใช้เครื่องมือทางการแพทย์อย่างปลอดภัยทางภาคทฤษฎีและฝึกปฏิบัติในหน่วยงาน เจ้าหน้าที่ทุกคนได้รับการอบรม แนะนำ ตามลักษณะสภาพแวดล้อมที่เสี่ยงต่อการทำงาน การอบรม 5 ส. การอบรมอัคคีภัยบุคลากรทุกคนครบ 100%
ข. วัสดุและของเสียอันตราย
(1) องค์กรจัดการต่อวัสดุและของเสียอันตรายอย่างปลอดภัย ด้วยการระบุรายการวัสดุและของเสียอันตรายที่ใช้หรือที่เกิดขึ้น, ใช้กระบวนการที่ปลอดภัยในการเลือก สัมผัส จัดเก็บ เคลื่อนย้าย ใช้ และกำจัดวัสดุและของเสียอันตรายดังกล่าว.
ทีม IC และทีม ENV ได้ปรับปรุงกระบวนการการกำจัดขยะติดเชื้อโดยการจ้างเหมาบริษัทเอกชนเคลื่อนย้ายขยะติดเชื้อ นำไปทำลายในโรงงานเผาทำลายขยะติดเชื้อที่ถูกต้องตามกฎหมายสิ่งแวดล้อม ทดแทนวิธีเดิมที่นำขยะติดเชื้อไปเผาทำลายในเตาเผาขยะติดเชื้อของโรงพยาบาล ก่อปัญหาหมอกควันจากการเผา รบกวนผู้ป่วย บุคลากรและชุมชน ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและข้อร้องเรียนจากชุมชนวัสดุและของเสียอันตรายของโรงพยาบาล เช่น ถ่านไฟฉาย บัลลาสต์อมัลกัม หลอดไฟฟลูออเลสเซนต์ แบตเตอรี่ ปรอท กระป๋องสเปรย์ ยาที่หมดอายุหรือเสื่อมสภาพ น้ำยาลบคำผิด คลอรีน แผงวงจรอิเลกทรอนิกส์ ทางโรงพยาบาลจะจัดแยกเฉพาะเพื่อนำไปทิ้งที่บ่อฝังกลบขยะอันตรายซึ่งทางโรงพยาบาลได้จัดเตรียมไว้จำนวน 1 บ่อ solidification
ค. การจัดการกับภาวะฉุกเฉิน
(1) องค์กรดำเนินการวิเคราะห์ความล่อแหลมต่อการเกิดอันตราย เพื่อระบุภาวะฉุกเฉินที่เป็นไปได้และองค์กรต้องเข้าไปมีบทบาทในการให้บริการ
ภัยพิบัติหรือภาวะฉุกเฉินที่ รพ.มีโอกาสเผชิญ ภายในองค์กรได้แก่ อัคคีภัย ระบบไฟฟ้าดับ ระบบสื่อสารล่ม ระบบ HOS XP ล่ม และภายในชุมชนได้แก่ อุบัติเหตุหมู่ อุทกภัย และโรคระบาด
(2) องค์กรจัดทำแผนรองรับภาวะฉุกเฉิน ครอบคลุมการเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับภัยพิบัติ8, การดำเนินงานเมื่อเกิดภาวะฉุกเฉิน9 และนำไปใช้ปฏิบัติเมื่อเกิดเหตุการณ์
จากภัยพิบัติและภาวะฉุกเฉินที่ รพและชุมชนมีโอกาสเผชิญ รพ.ได้จัดทำแผนรองรับภัยพิบัติและภาวะฉุกเฉินดังนี้ แผนรับการเกิดอัคคีภัย มีการซ้อมแผนอัคคีภัยและการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยปีละ 1 ครั้ง การติดตั้งเครื่องดักควัน แผนรับระบบไฟฟ้าดับ จัดระบบไฟสำรองแบบอัตโนมัติกำลังการผลิต 100 กิโลวัตต์สามารถจ่ายกระแสไฟฟ้าได้อย่างทันท่วงทีโดยมีหน่วยงานซ่อมบำรุงรับผิดชอบระบบไฟฟ้าสำรองและติดตั้งไฟฟ้าสำรอง ณ จุดบริการทุกจุด แผนรองรับระบบสื่อสารล่ม ติดตั้งโทรศัพท์สายตรงประจำหน่วยงาน จ่าย IP โดยใช้ระบบ Wireless ทำให้ง่ายในการเชื่อมต่อและ มีวิทยุสื่อสาร มีการติดต่อประสานงานโดยใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ แผนรองรับระบบHOS XP ล่ม ทีมIM ได้จัดทำระบบป้องกันและแนวทางการดำเนินการเมื่อเกิดภาวะฉุกเฉินให้มีความพร้อมใช้งานอย่างต่อเนื่อง จัดให้เจ้าหน้าที่คอมพิวเตอร์ขึ้นเวรในช่วงวันหยุดราชการเพื่อดูแลความเรียบร้อยของระบบ แผนรับภัยพิบัติในชุมชน มีการทำแผนรองรับอุบัติเหตุหมู่และการเคลื่อนย้ายผู้ป่วย แผนรองรับภัยพิบัติตามธรรมชาติ มีแผนการจัดตั้ง War Room ในกรณีที่เกิดภัยพิบัติร่วมกับองค์กรอื่นๆเพื่อให้การช่วยเหลือ แผนรองรับโรคระบาดในชุมชน มีเครือข่ายการเฝ้าระวังโรคในชุมชนระดับตำบลและทีมสอบสวนเคลื่อนที่เร็ว คปสอ.ธาตุพนม เพื่อออกสอบสวนและควบคุมโรคในกรณีที่มีโรคระบาด
3) องค์กรดำเนินการฝึกซ้อมอย่างสม่ำเสมอ เพื่อทดสอบการจัดการเมื่อเกิดภาวะฉุกเฉิน.
รพ.ร่วมกับคปสอ.ธาตุพนม อปทและชุมชนซ้อมแผนรับอุบัติภัยหมู่ในเดือนเมษายน 2554 มีการจัดประชุมเชิงปฏิบัติการการช่วยฟื้นคืนชีพให้กับเจ้าหน้าที่ การจัดประชุมเชิงปฏิบัติการการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยและการช่วยฟื้นคืนชีพให้กับกู้ชีพอำเภอธาตุพนม การซ้อมแผนอัคคีภัยทุกปี การซ้อมแผนการรับการระบาดของโรคในชุมชน การอบรมเครือข่ายเฝ้าระวังโรคระดับตำบลในการแจ้งข่าวเหตุการณ์ผิดปกติในชุมชน
ง. ความปลอดภัยจากอัคคีภัย
(1) องค์กรจัดทำแผนความปลอดภัยจากอัคคีภัยและนำไปปฏิบัติ. แผนครอบคลุม การป้องกัน / การลดความเสี่ยงจากอัคคีภัย, การตรวจจับแต่เริ่มแรก, การดับเพลิง, และการเคลื่อนย้าย / ขนย้ายออกจากอาคารอย่างปลอดภัยเมื่อเกิดอัคคีภัยหรือภาวะฉุกเฉิน.
โรงพยาบาลมีแผนการป้องกันและควบคุมอัคคีภัยทุกหน่วยงาน มีการสำรวจ/ตรวจสอบ และประเมินภาวะเสี่ยงจากอัคคีภัยจากหน่วยงานต่างๆ ทุกเดือน การอบรมให้ความรู้เจ้าหน้าที่เรื่องอัคคีภัยทุกปีโดยวิทยากรจากเทศบาลธาตุพนม การฝึกซ้อมการใช้เครื่องดับเพลิงระงับอัคคีภัย การซ้อมเคลื่อนย้ายผู้ป่วยในหน่วยงานที่ดูแลผู้ป่วย ในวันที่ 1-2 เดือน มิถุนายน 2553 จัดให้มีป้ายแสดงทางหนีไฟทุกตึก ทุกอาคาร สำรวจและจัดให้มีเครื่องมือและระบบป้องกันอัคคีภัยที่เหมาะสม โดยจัดให้มีเครื่องดับเพลิงที่ได้มาตรฐาน,เพียงพอ มีการตรวจสอบ/บำรุงรักษาโดยช่างประจำรพ.จัดทำลำดับความสำคัญของวัสดุ/ครุภัณฑ์ เพื่อการขนย้ายเมื่อเกิดอัคคีภัยทุกหน่วยงาน จัดทำระเบียบวิธีปฏิบัติ/คู่มือในการป้องกันอัคคีภัย
2) องค์กรให้ความรู้เพื่อสร้างความตระหนักทั่วทั้งองค์กร และดำเนินการฝึกซ้อมแผนอัคคีภัยอย่างสม่ำเสมอ. มีการค้นหาจุดอ่อนและโอกาสพัฒนา, ประเมินความพร้อมใช้ของเครื่องมืออุปกรณ์ต่างๆ, ประเมินประสิทธิผลของการฝึกอบรมเพื่อรองรับอัคคีภัย, และประเมินความรู้ของบุคลากร จากการฝึกซ้อม.
ทีม ENV ร่วมกับงานบรรเทาสาธารณภัยเทศบาลตำบลธาตุพนมสำรวจสถานที่ที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดอัคคีภัย และยากลำบากในการเข้าช่วยเหลือ พบว่ามีจำนวน ......จุด คือ .....แนวทางแก้ไขคือ..........
ทีม ENV ร่วมกับภาคองค์กรส่วนท้องถิ่นในเขตอำเภอธาตุพนมจัดอบรมเชิงปฏิบัติการ เรื่องการซ้อมแผนอัคคีภัยและการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยตามแผนงานทีม ENV และ HRD รุ่นที่ 1 ในวันที่ 1 มิถุนายน 2553 รุ่นที่ 2 ในวันที่ 2 มิถุนายน 2553 มีเจ้าหน้าที่เข้าร่วมซ้อมแผนจำนวน 284 ราย คิดเป็นร้อยละ 90.56 โดยมีกิจกรรมให้ความรู้เรื่องการป้องกันและระงับอัคคีภัย แผนอัคคีภัยในโรงพยาบาล การเคลื่อนย้ายผู้ป่วยเมื่อเกิดอัคคีภัย การใช้เครื่องมือเครื่องดับเพลิง และแจ้งให้เจ้าหน้าที่ทุกคนทราบถึงหน้าที่ความรับผิดชอบของแต่ละคนที่จะต้องปฏิบัติเมื่อเกิดอัคคีภัยขึ้น ผลการประเมินการฝึกซ้อมแผนและการแก้ไขปัญหาพบว่าสถานที่เกิดเหตุด้านการตอบสนองของผู้เห็นเหตุการณ์และการใช้เครื่องมือดับเพลิงเบื้องต้น การบัญชาการฉุกเฉินอยู่ในระดับพอใช้ ส่วนการปฏิบัติเมื่อดับเพลิงเบื้องต้นไม่ได้ การปฏิบัติตามแผนฉุกเฉิน และการปฏิบัติของทีมผจญเพลิง โดยใช้สายฉีดน้ำดับเพลิงและการอพยพและตรวจสอบจำนวนคน อยู่ในระดับดี
(3) องค์กรตรวจสอบ ทดสอบ บำรุงรักษาระบบและเครื่องมือต่างๆ ในการป้องกันและควบคุมอัคคีภัย อย่างสม่ำเสมอ.
ทีม ENV ร่วมกับงานซ่อมบำรุง/งานรักษาความปลอดภัย/เจ้าหน้าที่ในหน่วยงาน ได้วางแผนการตรวจสอบระบบและเครื่องมือในการป้องกันและควบคุมอัคคีภัย ได้แก่ เครื่องตรวจจับควัน เครื่องแจ้งสัญญาณไฟไหม้ ถังสารเคมีดับเพลิง อุปกรณ์ผจญเพลิง
เครื่องมือและอุปกรณ์ที่ตรวจสอบ | ระยะเวลาในการตรวจสอบ | ผู้รับผิดชอบ | การดำเนินการแก้ไขเมื่อพบข้อบกพร่อง |
เครื่องตรวจจับควัน | ทุก 3 เดือน | งานซ่อมบำรุงและเจ้าหน้าที่คลังเวชภัณฑ์ | งานซ่อมบำรุงดำเนินการแก้ไขและรายงานผลให้ทีมENV ทราบ |
เครื่องแจ้งสัญญาณไฟไหม้ | ทุก 3 เดือน | งานซ่อมบำรุง |
|
ถังสารเคมีดับเพลิง | วันที่ 1 ของทุกเดือน | งานรักษาความปลอดภัย | รายงานผลให้งานซ่อมบำรุงทราบเพื่อแก้ไขให้พร้อมใช้งาน |
อุปกรณ์ผจญเพลิง | วันที่ 1 ของทุกเดือน | งานรักษาความปลอดภัย | รายงานผลให้งานซ่อมบำรุงทราบเพื่อแก้ไขให้พร้อมใช้งาน |
SPA ll- 3.3 สิ่งแวดล้อมเพื่อการเสริมสร้างสุขภาพและการพิทักษ์สิ่งแวดล้อม
องค์กรแสดงความมุ่งมั่นในการที่จะทำให้โรงพยาบาลเป็นสถานที่ปลอดภัยและเอื้อต่อสุขภาพ เอื้อต่อกิจกรรมสร้างเสริมสุขภาพ และพิทักษ์สิ่งแวดล้อม
ก.การสร้างเสริมสุขภาพ
(1) องค์กรมีการจัดให้มีสภาพแวดล้อมเอื้อต่อการมีสุขภาพทางด้านสังคม จิตใจที่ดี สำหรับผู้ป่วย ครอบครัว และบุคคลากร
องค์กรจัดให้มีสภาพแวดล้อมเอื้อต่อการมีสุขภาพทางด้านสังคม จิตใจ ที่ดีสำหรับผู้ป่วย ครอบครัว และบุคลากร ได้แก่ การก่อสร้างสนามกีฬาและสถานที่ออกกำลังกายในที่ร่มสำหรับบุคลากร เอื้อต่อการส่งเสริมสุขภาพในชุมชน สนับสนุนให้บุคลากรเต้นแอโรบิคทุกวันหลังเลิกงาน จัดสวนหย่อมให้สวยสะอาดร่มรื่น จัดให้มีที่ประดิษฐานพระพุทธรูป/ศาลพระภูมิเพื่อเป็นที่สักการะบูชาและยึดเหนี่ยวจิตใจ มีการจัดวางตู้หนังสือตามหน่วยงานต่างๆให้ผู้รับบริการอ่านขณะรอตรวจ มีการคิดนวัตกรรมมาประยุกต์ใช้ในผู้รับบริการเพื่อให้มีสภาพแวดล้อมเพื่อลดความวิตกกังวลของผู้ป่วย เช่นนวัตกรรมเตียงอุ่นไอรัก เป็นต้น มีการก่อสร้างตึกพิเศษเพื่อให้เกิดสิ่งแวดล้อมเพื่อการเยียวยา โดยการจัดสัดส่วนอาคาร สถานที่และสิ่งแวดล้อมรอบตัวอาคารคล้ายบ้าน จัดหาสิ่งอำนวยความสะดวก จัดมุมสงบเพื่อการทำสมาธิ การปลูกต้นไม้บริเวณอาคารเพื่อให้เกิดความร่มรื่น จนได้รับรางวัล Healing Environment award จาก สรพ. ปี 2554 นอกจากนี้ยังมีการจัดตั้งทีม CRM ให้การต้อนรับและแนะนำให้ความช่วยเหลือในขณะที่มารับการตรวจรักษาภายในโรงพยาบาล ปรับปรุงเรือนพักญาติ จัดให้มีร้านค้าสวัสดิการ เพื่อสร้างความพึงพอใจให้กับผู้รับบริการ และผลการประเมินความพึงพอใจจากผู้รับบริการดังตาราง
| ปี 2548 | ปี 2549 | ปี 2550 | ปี 2551 | ปี 2552 | ปี 2553 |
ร้อยละความพึงพอใจของผู้ป่วยนอก | 85.39 | 86.33 | 85.79 | 86.48 | 86.59 | ? |
ร้อยละความพึงพอใจของผู้ป่วยใน | 86.52 | 91.29 | 88.44 | 88.44 | 88.93 | ? |
ร้อยละความพึงพอใจของชุมชน | 68.80 | 83.54 | 85.90 | 87.25 | 87.68 | ? |
(2) องค์กรจัดให้มีสถานที่และสิ่งแวดล้อมเพื่อการเรียนรู้และพัฒนาทักษะสำหรับบุคลากร ผู้ป่วย ผู้รับบริการอื่นๆ และประชาชนทั่วไป
องค์กรจัดมุมการเรียนรู้ส่งเสริมโครงการสายใยรักแห่งครอบครัวที่ห้องคลอด/ตึกเด็ก/งานส่งเสริมสุขภาพ จัดบอร์ดส่งเสริมความรู้ที่ทางเดินระหว่างตึก จัดตู้สาธิตตัวอย่างอาหารสำหรับผู้ป่วยเบาหวานที่งาน PCU จัดสถานที่สำหรับเผยแพร่เอกสารแผ่นพับตามหน่วยงานต่างๆ เปิดบริการศูนย์สามวัยสานสายใยรักแห่งครอบครัวเพื่อดำเนินกิจกรรมทั้ง 8 กิจกรรมของทุกกลุ่มอายุ ตั้งแต่ให้คำปรึกษาก่อนแต่งงาน สืบสานดูแลครรภ์ รับขวัญเมื่อแรกเกิด ยอดอาหารต้องนมแม่ ดีแน่แท้พัฒนาสมวัย เอาใจหนุนเมื่อวัยรุ่น ย้ำกระตุ้นสุขภาพวัยทำงาน ร่วมกันสานคุณค่าผู้สูงอายุ มีสนามเด็กเล่นเพื่อกระตุ้นพัฒนาการ มุมให้นมแม่ ในหน่วยงานต่างๆ มีการจัดมุมเพื่อส่งเสริมการเรียนรู้สำหรับผู้ป่วยและญาติ เช่น ความรู้เกี่ยวกับโรคสำคัญต่างๆ ที่ต้องการรณรงค์ส่งเสริมให้ผู้รับบริการรู้และป้องกันตัวเองได้ มีการเพิ่มช่องทางการรับรู้ข่าวสารความรู้ ผ่านทาง website ที่ทุกหน่วยงานสามารถรับชมได้ ปรับปรุงพื้นที่และจัดหาเครื่องออกกำลังกายเพื่อให้เจ้าหน้าที่และผู้รับบริการมีสุขภาพที่ดี ป้ายด้านหน้าโรงพยาบาล ตกแต่งสวยงามด้วยต้นไม้และดอกไม้ ทางเข้าด้านหน้า OPD และ ER มีการจัดภูมิทัศน์สถาปัตน์ ให้ดูสดชื่น และมีสีสัน
(3) องค์กรส่งเสริมการเข้าถึง การบริโภคอาหาร / ผลิตภัณฑ์สร้างเสริมสุขภาพที่เหมาะสมกับบุคคล
โรงพยาบาลมีนโยบายปลอดบุหรี่และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ การส่งเสริมสุขภาพ การออกกำลังกายโดยจัดสร้างศูนย์ DPAC ให้คำปรึกษาเรื่องสุขภาพทุกบ่ายวันพุธ มีกิจกรรมให้ความรู้เกี่ยวกับการบริโภคอาหารและผลิตภัณฑ์สร้างเสริมสุขภาพ โดยพยาบาล นักโภชนาการ และผู้รับบริการที่เป็นต้นแบบในกิจกรรมกลุ่ม ในกลุ่มผู้ป่วยโรคเรื้อรังจัดตู้สาธิตตัวอย่างอาหารสำหรับผู้ป่วยเบาหวานที่งาน PCU สาธิตและให้ความรู้ที่ถูกต้องเรื่องการปรุงอาหารที่เหมาะสมกับโรคโดยนักโภชนาการและพยาบาลวิชาชีพทุกวันพฤหัสบดีและวันศุกร์ นอกจากนี้ยังมีการ จัดหาข้าวกล้องต้มแจกผู้ป่วยเบาหวานทุกวันพฤหัสบดีและวันศุกร์ ในส่วนของการบริโภคอาหาร ร้านค้าสวัสดิการโรงพยาบาลไม่จำหน่ายบุหรี่และสุรา ส่งเสริมการขายผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพเช่นข้าวกล้องงอก เป็นต้น ในโรงพยาบาลมีการจัดบริการอาหารสำหรับผู้ป่วยที่เหมาะสมกับโรค โดยมีขั้นตอนตั้งแต่การกำหนดการเลือกวัตถุดิบที่ปลอดภัยมาใช้ในการปรุง การคำนวณสารอาหาร การควบคุมคุณภาพด้านความสะอาดปลอดภัย โดยมีการเก็บตัวอย่างอาหาร ภาชนะบรรจุในโรงครัว ตรวจทุก 3 เดือน ผลการตรวจผ่านเกณฑ์
(4) องค์กรส่งเสริมให้มีการใช้วัสดุครุภัณฑ์ที่ไม่มีอันตรายต่อสุขภาพ.
มีนโยบายสร้างเสริมสุขภาพบุคลากร โดยคณะกรรมการ HPH ส่วนการจัดหาภาชนะบรรจุอาหาร ทั้งโรงครัว เลือกใช้ภาชนะอุปกรณ์ที่ปลอดภัย ทนความร้อน และการกัดกร่อน โดยยึดตามข้อกำหนดมาตรฐานด้านการสุขาภิบาลอาหาร ส่วนการปรุงอาหารโรงครัวไม่ใช้ผงชูรส รสดี ในการปรุงอาหารให้แก่ผู้ป่วย ในส่วนของเครื่องมือ อุปกรณ์ไฟฟ้าได้รับการรับรองมาตรฐานความปลอดภัย ควบคู่กับการเลือกใช้อุปกรณ์ประหยัดไฟ มีการห้ามใช้น้ำยาเคมีในการทำความสะอาดพื้น โดยใช้ผงซักฟอกแทน ลดการใช้เครื่องมือที่มีส่วนประกอบของสารปรอท การไม่ใช้โฟม และงานเภสัชกรรมมีแผนลดการใช้ถุงพลาสติกโดยจะใช้ถุงผ้าแทนถุงพลาสติกใส่ยาสำหรับผู้ป่วย DM/HT
ข. การพิทักษ์สิ่งแวดล้อม
(1) มีระบบบำบัดน้ำเสียที่มีประสิทธิภาพ:
-มีขนาดเหมาะสมกับปริมาณน้ำทิ้งของโรงพยาบาล
-มีการดูแลรักษาระบบโดยผู้ที่ได้รับการฝึกอบรม
-มีการตรวจคุณภาพของน้ำที่ผ่านการบำบัดตามข้อกำหนดของหน่วยราชการที่เกี่ยวข้อง
-น้ำทิ้งที่ผ่านการบำบัดในช่วงเวลาที่ระบบรับภาระมากที่สุดมีค่ามาตรฐานตามที่หน่วยราชการกำหนด
ระบบบำบัดน้ำเสียของโรงพยาบาล เป็นระบบบำบัดน้ำเสียแบบผึ่ง (Stabilization Pond) และมีการประยุกต์โดยมีการใช้เครื่องเติมอากาศเติมอากาศ (Aeration ) และมีการบำบัดแบบพืชลอย
( Floating-plant ) ซึ่งจากการคาดการณ์ของกรมอนามัยปี 2543 ว่าถ้าโรงพยาบาลขยายจนมีขนาดสูงสุด 120 เตียง จะมีปริมาณน้ำเสียเท่ากับ 110 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน โดยรับน้ำเสียจากทุกอาคารในโรงพยาบาล ระบบบำบัดน้ำเสียสามารถบำบัดน้ำเสียได้ 24 ชั่วโมง งานบำบัดน้ำเสีย เป็นงานที่ดูแลระบบบำบัดน้ำเสียให้สามารถบำบัดน้ำเสียได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีองค์ประกอบของระบบดังตาราง
ลำดับที่ | หน่วยกระบวนการ | ขนาด ( เมตร ) | พื้นที่ ( ตร.ม.) | ปริมาตร (ลบ.ม.) |
กว้าง | ยาว | ลึก | ความชันด้านข้าง |
1 | บ่อสูบน้ำเสีย | 2.00 | 2.00 | 4.95 | - | 4.00 | 4.00 |
2 | บ่อผึ่งที่ 1 | 24.50 | 35.00 | 1.50 | 1:1.5 | 537 | 805 |
3 | บ่อผึ่งที่ 2 | 16.75 | 29.00 | 1.50 | 1:1.5 | 247 | 371 |
4 | บ่อสัมผัสคลอรีน | 2.50 | 3.55 | 1.20 | - | 8.88 | 8.88 |
ระบบบำบัดน้ำเสียโรงพยาบาลมีผู้ดูแลหลัก 1คน คือ นายสุรศักดิ์ จันทร์ชนะ ผู้ดูแลเสริมคือ นายสมศักดิ์ อินทมาต และผู้ควบคุมคือนายนิมิต พรหมวิศาสตร์ ภายใต้การควบคุมและกำกับทีมคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมและความปลอดภัยในโรงพยาบาล ผู้ดูแลระบบหลักผ่านการฝึกอบรมและมีความรู้ความสามารถในการดูแลระบบโดยได้รับการอบรมจาก........................ส่วนผู้ดูแลเสริมจบการศึกษาระดับปริญญาโทสาขาเทคโนโลยีสิ่งแวดล้อม ทำให้มีความรู้ในการดูแลและแก้ไขระบบบำบัดน้ำเสียของโรงพยาบาลอย่างมีประสิทธิภาพ
แผนการดูแลระบบบำบัดน้ำเสีย
ระบบไฟฟ้าเดินระบบ
ดูเลขที่มาตรต่างๆ ในตู้ควบคุมระบบว่าตัวเลขมีการเคลื่อนไหวสัมพันธ์กันตามการทำงานของระบบหรือไม่
การเติมอากาศ
ดูการทำงานของมอเตอร์ปั๊มเติมอากาศ หมุน/ไม่หมุน ตรวจดูสภาพการหมุนของแกนเพลาเครื่องเติมอากาศ แกว่ง ส่าย หรือไม่และตรวจดูระบบหล่อลื่นที่แกนเพลามอเตอร์ปั๊มเติมอากาศ
เครื่องเติมคลอรีน
-ตรวจดูปริมาณคลอรีนในถังผสมคลอรีน ต้องมีพอเพียงสำหรับการเดินระบบตลอด 24 ชั่วโมงทำงาน เตรียมผสมคลอรีนสำรอง บรรจุลงในถังเติมคลอรีนให้เพียงพอ
การตรวจคุณภาพน้ำเบื้องต้น
ตรวจดูขยะที่เข้าสู่บ่อเข้า ตรวจวัดความเข้มข้นของออกซิเจนละลายน้ำ ตรวจวัดความเป็นกรด-ด่างและตรวจวัดคลอรีนตกค้างในบ่อออก
การพัฒนาคุณภาพที่อยู่ระหว่างดำเนินการ
1.การตรวจสอบและติดตามการทำงานของระบบบำบัดน้ำเสีย
2.การทบทวนความเสี่ยงกรณีที่มีอุบัติการณ์ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
3.การใช้ฝาปิดบ่อเข้าเพื่อให้เป็นบ่อบำบัดแบบไม่ใช้ออกซิเจน
แผนการพัฒนาต่อเนื่อง
1. การก่อสร้างบ่อออกเพิ่มเพื่อให้น้ำทิ้งมีคุณภาพมากยิ่งขึ้น
2. การพัฒนาศักยภาพผู้ดูแลระบบบำบัดน้ำเสีย
3. การใช้ EM ในการบำบัดน้ำเสีย
4.การนำน้ำที่ผ่านการบำบัดกลับมาใช้ในงานสนาม
ระบบบำบัดน้ำเสียของโรงพยาบาลได้มีการตรวจคุณภาพน้ำทิ้ง จากคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานีปีละ 4 ครั้ง โดยผลตรวจครั้งล่าสุดคุณภาพผ่านเกณฑ์มาตรฐานควบคุมการระบายน้ำทิ้งจากอาคาร ตามประกาศกระทรวงวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม ปี 2537 100 %
ปัญหาและการดำเนินงานแก้ไขระบบบำบัดน้ำเสียให้มีประสิทธิภาพ ผู้ดูแลระบบบำบัดน้ำผลที่ได้จากการตรวจวิเคราะห์น้ำเสียมาใช้เป็นข้อมูลในการจัดการระบบเพื่อให้การบำบัดมีประสิทธิภาพ เช่น ปี 2553 พบว่าระบบบำบัดน้ำเสียมีความเข้มข้นของตะกอนแขวนลอย แก้ไขโดยการขุดลอกบ่อบำบัด ปัญหาเรื่องวัชพืชลอยในระบบบำบัดน้ำเสียซึ่งปัญหามาจากการที่มีไนเตรต กับฟอสเฟตเป็นจำนวนมาก มีการแก้ไขปัญหาโดยการใช้พืชลอยเช่นผักตบชวาในการบำบัดร่วมกับการบำบัดระบบปกติ เป็นต้น
(2) องค์กรจัดการเพื่อลดปริมาณของเสียโดยจัดให้มีระบบการนำมาใช้ใหม่ การลดปริมาณการใช้ การแปรรูป และลด การใช้วัสดุที่ทำลายสิ่งแวดล้อม.
มีการแยกขยะรีไซเคิล โดยแต่ละหน่วยงานมีการเก็บและจำหน่ายเอง และมีการลดปริมาณจำนวนกระดาษที่ใช้มากให้ใช้เท่าที่จำเป็น เช่น นำกระดาษ A4 กลับมาใช้จนครบ 2 หน้า ห้ามใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดห้องน้ำที่มีส่วนผสมของกรด เปลี่ยนมาใช้ผงซักฟอก เปลี่ยนผลิตภัณฑ์ซักผ้าที่ผลิตฟองมากเป็นน้ำยาทำความสะอาดผ้าแบบน้ำเพื่อลดผลกระทบที่จะเกิดกับระบบบำบัดน้ำเสีย ส่วนแผนการดำเนินการในอนาคต มีการจัดทำศูนย์ขยะรีไซเคิลของโรงพยาบาล
(3) มีระบบและวิธีการกำจัดขยะที่ถูกสุขลักษณะ:
-มีภาชนะรองรับขยะที่เหมาะสม และเพียงพอ
-มีระบบ / อุปกรณ์ในการแยกรับ / ขนย้าย / จัดที่พัก ขยะทั่วไป / ขยะติดเชื้อ / ขยะอันตราย ที่รัดกุม
-มีการฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในเรื่องการเคลื่อนย้ายและกำจัดของเสียอย่างถูกวิธี
-มีกระบวนการในการกำจัดขยะติดเชื้อและขยะอันตรายอย่างเหมาะสม
-มีการตรวจสอบการกำจัดขยะติดเชื้อของผู้รับช่วง
มีการแยกทิ้งประเภทขยะ ได้แก่ มูลฝอยทั่วไป มูลฝอยติดเชื้อ ขยะอันตราย ขยะรีไซเคิล มีการจัดให้มีโซนพักขยะแต่ละประเภทไว้อย่างเป็นสัดส่วน แบ่งเป็น 6 แห่งคือที่พักมูลฝอยติดเชื้อ ที่พักมูลฝอยทั่วไป และที่ทิ้งขยะอันตราย ทีม ENV ร่วมกับทีม IC มีการจัดประชุมอบรมให้ความรู้แก่เจ้าหน้าที่ เรื่องความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับการแยก การจัดเก็บมูลฝอย การขนย้ายขยะและมูลฝอยติดเชื้อ ส่วนการขนย้ายมูลฝอยติดเชื้อมีการจัดทำจัดทำระเบียบและวิธีปฏิบัติในการกำจัดของเสียและมีการกำหนดเส้นทางการขนย้ายที่ชัดเจนโดยจะมีการขนย้ายขยะติดเชื้อทุกวันเวลา 15.00 น.
โรงพยาบาลเล็งเห็นความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่และชุมชนจึงได้ดำเนินการจ้างเหมาบริษัทเอกชนมาดำเนินการรับขยะติดเชื้อไปทำลายด้วยเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพ มีการตรวจสอบการกำจัดขยะติดเชื้อของผู้รับช่วงว่าเป็นไปตามมาตรฐานที่กฎหมายกำหนดหรือไม่โดยดูจากหนังสือเซ็นต์รับขยะติดเชื้อของบริษัทรับกำจัด
(4) องค์กรร่วมมือกับชุมชนและองค์กรอื่นๆ ดำเนินการพิทักษ์ปกป้องและปรับปรุงสิ่งแวดล้อม, รวมทั้งมีการประเมินและฟังเสียงสะท้อนในการกำจัดของเสียของโรงพยาบาลที่มีผลกระทบต่อชุมชน.
โรงพยาบาลมีการร่วมมือกับชุมชนและองค์กรอื่นๆ ดำเนินการพิทักษ์ปกป้องและปรับปรุงสิ่งแวดล้อมเช่น ร่วมมือกับเทศบาลตำบลธาตุพนมและชุมชนในการจัดงานวันสิ่งแวดล้อมโลกโดยจัดกิจกรรมปลูกต้นไม้เพื่อลดโลกร้อน ส่วนผลการรับฟังเสียงสะท้อนจากชุมชนและหน่วยงานอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับการพิทักษ์สิ่งแวดล้อมขององค์กรพบว่า ไม่มีข้อร้องเรียน